เรื่องของมือถือ

เทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ

1G ( First Generation )

ระบบโทรศัพท์ไร้สาย

อะไรคือ GSM 900 - GSM 1800 - 2G - 3G?

เรื่องชวนปวดหัวสำหรับคนที่ไม่ชินเรื่อง เทคโนโลยีนอกจากเรื่องการ กดปุ่มและเลือกเมนูจากอุปกรณ์แต่ละตัวแล้ว ก็เห็นจะเป็นเรื่องศัพท์แสงในวงการนี่ แหละครับที่จนป่านนี้ก็ยังสับสนกันอยู่เลย ดังนั้นผมจึงตั้งใจที่จะทยอยเสนอความ เข้าใจเกี่ยวกับศัพท์ที่ใช้กันอยู่ให้ทราบ จนเข้าใจดีครับ โดยครั้งนี้จะเริ่มจากเรื่องของ ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่กันก่อนนะครับ

2G (Second Generation)

นี่คือการอ้างถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในยุคที่สองครับ อะไรคือยุคที่สอง ยุคที่สองเรากำลังพูดถึงโทรศัพท์ เคลื่อนที่ที่เป็นดิจิตัลนั่นเองครับ แม้ว่าแท้ที่จริงแล้วโทรศัพท์เคลื่อนที่ ดิจิตัลจะมีหลายระบบแต่ที่เป็นที่นิยมกันส่วนใหญ่ มีอยู่สองระบบครับ นั่นคือ GSM และ CDMA ส่วนที่เหลือก็มีลดหลั่นกันไป ผมจะนำมาเสนอไว้เพื่อ ความเข้าใจเป็นหลักครับ

  • GSM (Global System for Mobile Communication)
  • FDMA (Frequency Multiple Access)
  • CDMA (Code Division Multiple Access)
  • TDMA (Time Division Multiple Access)

2.5G (2.5 Generation)

ไม่รู้หมู่หรือจ่าสำหรับ เครือข่ายลูกครึ่งตัวนี้เพราะ 2.5 G ก็เปรียบเสมือนจังหวะลอยตัว อยู่กลางอากาศในขณะที่ 2 G จะกระโดดไปเป็น 3 G นั่นแหละครับ ตอนนี้มีหลายแห่งที่ได้ วางเครือข่ายรุ่น 2.5 G ไปบ้างแล้ว เรียกว่าเราต้องได้ข่าว เรื่องเครือข่ายรุ่นนี้ผ่านหู ผ่านตาไปบ้างพอสมควร เทคโนโลยี 2.5 G มีอยู่ด้วยกัน 2 ตัวที่โด่งดังครับ

  • GPRS (General Packet Radio Services)
  • EDGE (Enhanced Data rates for Global Evolution)

3G (Third Generation)

GSM (Global System for Mobile Communication) หลัง จากระบือลือลั่นในไทยว่า เป็นระบบที่ดีเหลือหลายแรง ชัดทั่วไทยแถมพรีเซ็นเตอร์ยัง น่ารักอีกต่าง หาก แท้จริง แล้วจะมีสักกี่คนที่ทราบความจริง ว่า GSM เป็นชื่อของ ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่ได้รับความนิยมสูง สุดในยุโรปและบาง ส่วนในเอเชียไม่ได้เป็นชื่อทาง การค้าแต่อย่าง ใด แต่เมื่อกลุ่มชินวัตรนำเอาชื่อ GSM มาเล่นทาง การตลาดแล้ว กลุ่ม TAC และโอเปอเรเตอร์ผู้ ให้บริการมือถือที่เหลือจึง ต้อง ใช้ชื่อทาง การค้าอื่น ๆ เช่น World Phone และ Hallo 1800 ทั้ง ที่ก็ล้วนแต่เป็นระบบ GSM ด้วยกันทั้ง สิ้น

ในความจริงแล้ว GSM ไม่ได้ใช้ แถบคลื่นสัญญาณเต็มประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับ CDMA แต่ GSM ก็เป็นระบบที่ได้รับความนิยมกว้างขวางไปทั่วโลก ความเร็วในการส่งข้อมูลด้วย GSM ไม่เกิน 9600 Kbps เท่านั้นซึ่งก็คือความเร็วของ WAP ในปัจจุบันนั่นเอง

FDMA (Frequency Division Multiple Access) จริง ๆ แล้ว FDMA ไม่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีหรือเครือข่ายที่ดีเยี่ยมหรือทันสมัย แต่ที่ยกมาอธิบายก็เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ที่ชัดเจนมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ CDMA และ TDMA การจัดเครือข่ายด้วยระบบ FDMA นั้นก็คือการจัดสรรความถี่ แต่ละค่าให้กับลูกข่ายแต่ละตัวในการติดต่อ ดังนั้นมันจึงไม่มีประสิทธิภาพ ในการสื่อสารเพราะช่องสัญญาณ หนึ่งช่องไม่สามารถใช้งานพร้อมกันได้หลาย ๆ ตัวพร้อมกัน FDMA เป็นรูปแบบเทคโนโลยีการสื่อสาร ไร้สายในยุคแรก ๆ ก็ว่าได้ครับแม้ว่าจะมีการพัฒนาขึ้นมา แต่ต่อไปคงไม่ใช่ฐานของวิวัฒนาการของ เครือข่ายอีกต่อไป

CDMA (Code Division Multiple Access) นี่คือระบบโทรศัพท์ที่แบ่ง การส่ง ข้อความโดยการแบ่ง ข้อความที่ส่ง นำไปเข้ารหัสแยกกันเป็นส่วน ๆ ทำให้สามารถส่ง ข้อความหลายข้อความไปบนช่อง สัญ ญ าณเดียวกันได้โดยจัดสรรช่อง ความถี่ให้ใช้ง านได้เต็มประสิทธิภาพ CDMA มีความสำคัญ ในฐานะพื้นฐานสำหรับการพัฒนาของ 3G เพราะเทคโนโลยี 3G ทั้ง สอง ตัวนั้นจะใช้ฐาน CDMA ทั้ง สิ้น โดยความเร็วในปัจจุบันของ CDMA ในการส่ง ข้อมูลอยู่ที่ 14.4 Kbps เท่ากับโมเด็มอนาล็อก สำหรับสายโทรศัพท์บ้านในช่วง 4 ปีที่แล้ว

บริษัท Qualcomm Inc. คือเจ้าของเทคโนโลยี CDMA ยังเป็นเจ้าตลาด ของระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ในอเมริกา คือมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์และตลาดส่วนใหญ่ ในเกาหลีใต้และบางส่วน ในเอเชียแต่ในยุโรป นั้นเป็นตลาดของ GSM สำหรับในประเทศไทยนั้น CDMA เป็นของบริษัทตะวัน โมบายเทเลคอม ซึ่งก็ไม่ได้แจ้งเกิดสักเท่าไหร่จะดีกว่า WCS นิดเดียวตรงที่ได้ทำ ตลาดจริงแต่ก็ทำยอดได้ไม่กี่เครื่อง ล่าสุดได้มีทุน ฮ่องกงอย่างฮัทชิสันวัมเปาเข้ามาถือหุ้น และต่อรองเงื่อนไขสัญญากับทาง กสท. ใหม่แล้วคาดว่าถ้าฮัทชิสันวัม เปาเอาจริงก็คงต้องรอดูช่วงที่จะออก 3 G หรือ 2.5 G มากกว่าเพราะอย่างน้อยเทคโนโลยี CDMA นั้นก็คงมีศักยภาพในการ แข่งขันในช่วงนั้นแน่นอน

TDMA (Time Division Multiple Access) ใช้วิธีการบริหารช่องสัญญาณ ด้วยการแบ่งการส่งสัญญาณ ให้กับแต่ละลูกข่ายเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ระบบนี้มีใช้กันอยู่ในอเมริกาเหนือ และใต้แม้ว่าหลักการในการทำงานจะดู ไม่ได้เลิศหรูอะไรแต่สามารถให้ความเร็ว ในการส่งข้อมูลได้สูงถึง 19.2 Kbps และหากมีการอัพเกรดขึ้น ไปอาจทำได้ถึง 64 Kbps ทีเดียว

GPRS (General Packet Radio Services) เทคโนโลยี GPRS คาดว่าจะได้รับความนิยมสูง ถ้าหากประเทศหรือบริษัทผู้วาง เครือข่ายไม่รอรับ 3G จนไม่ใส่ใจ 2.5 G เพราะซอฟต์แวร์ general packet radio services สามารถติดตั้งในเครือข่าย GSM ที่มีอยู่ในปัจจุบันได้เลย GPRS จะให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย ไร้สายที่รวดเร็วยิ่งขึ้นและการเชื่อม ต่อต่อเนื่องแบบ Continuous อย่างแท้จริง (ต่อเชื่อมอยู่ ตลอดเวลาทำให้เสถียรภาพ ในการส่งข้อมูลสูง) อย่างไรก็ตาม GPRS คงไม่ถึงกับทำให้เครือข่าย มีความสามารถสูงขึ้นมากมากนัก และความเร็วใน การรับส่งข้อมูลคงจะไม่เกิน 100 Kbps

EDGE (Enhanced Data rates for Global Evolution) เทคโนโลยี EDGE ทำให้ความสามารถในการรับส่งข้อมูลของทั้งระบบ GSM และ TDMA สูงขึ้นจนถึงระดับกว่า 300 Kbps แต่จะว่าไปแล้วมันก็ยังไม่ได้ให้มูลค่า เพิ่มอะไรมากมายนักดังนั้นสิ่ง ที่เราต้องคอยดูกันต่อไปก็คือ 2.5 G จะได้รับความสนใจมากน้อยเพียงใด หรือบริษัทสื่อสารจะรอให้ 3 G ใช้งานได้จริงและมีต้นทุนดำเนินการ ในระดับที่ยอมรับได้มากกว่าที่จะวางระบบ 2.5 G เพื่อรอการมาของ 3 G

CDMA 2000 อย่างที่บอกว่า CDMA เป็นรากฐานการวิวัฒนาการมาเป็น 3G ดังนั้น CDMA 2000 นี้ก็พัฒนามาจาก CDMA นั่นเอง ทั้งนี้ Qualcomm เจ้าของเทคโนโลยี CDMA เป็นคนพัฒนา CDMA 2000 ขึ้นมาโดยสามารถนำ มาต่อยอดบนเครือข่าย CDMA เดิมได้เลย ความเร็วในการรับส่งข้อมูลจะอยู่ในราว 100 Kbps โดยในขั้นต่อไป คงให้ความเร็วได้สูงถึง 300 Kbps

WCDMA - Wideband CDMA แม้ว่า Qualcomm จะเป็นผู้ให้กำเนิด CDMA แต่ปรากฏว่าค่าย GSM เดิมกลับพัฒนา 3G บนรากฐานของ CDMA เป็นสำคัญ นั่นคือที่มาของ WCDMA ทั้งนี้บริษัทที่ร่วมกันพัฒนาในที่นี้ได้แก่ NTT Docomo แห่งญี่ปุ่น (เจ้าของ iMode อันลือลั่น), Nokia จากฟินแลนด์, Ericsson จากสวีเดน, Telefon LM และ ฯลฯ ความเร็วของระบบ นี้คาดว่าจะทำได้ในอัตรา 300 Kbps เช่นกัน

UMTS (Universal Mobile Telecommunications Systems) จริง ๆ แล้วมันก็คือตัวเดียวกับ WCDMA นั่นเองเพียงแต่เป็นชื่อ ที่ใช้เรียกกันในยุโรปเหมือน ๆ กับมาตรฐานของมือถือ ในยุคใหม่ซึ่งมาแทนที่ GSM นั่นเอง

Internet ไร้สาย

เทคโนโลยีGPRS

( General Packet Radio Service )


หลังจากที่วงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้มีการพัฒนาด้านการสื่อสารข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือและ None Voice Application อย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถสื่อสารได้ทุกรูปแบบอย่างไร้ขีดจำกัดในระหว่างเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารด้วยเสียงหรือข้อมูล ดั้งนั้นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่จึงได้พัฒนาและนำเทคโนโลยีอย่างที่เห็นกันทุกวันนี้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน เช่น
1. Short Message Service(SMS)

- การใช้เทคโนโลยี SMS หรือการส่งข้อความที่กำลังได้รับความนิยมกันทั่วไปมากขึ้นทุกวันในบ้านเราขณะนี้
- Sim Tool Kit โดยใช้ Sim Card ที่ทางผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้พัฒนาและเพิ่มเติมบริการไว้ให้ใช้งานและบริการต่าง ๆ ง่ายมากยิ่งขึ้น
2. Circuit Switched Data (CSD)
- WAP หรือ Wireless Application Protocol ที่สามารถ Connect กับโลกของข่าวสารข้อมูลกับ Wap Site ต่าง ๆ ได้ทั่วโลกแม้กระทั้งในรูปแบบของ Wireless Internet

แต่อย่างไรก็ตามทางผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ยังเล็งเห็นว่า การโอนถ่ายสื่อสารข้อมูลของโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่ยังมีข้อจำกัดในด้านความเร็วการรับส่ง และรวมไปถึงปริมาณข้อมูลที่สามารถทำการรับจึงได้เริ่มพัฒนาแก้ไขเพื่อที่จะเพิ่มเติมบริการตรงส่วนบกพร่องนี้ให้ดีขึ้น จึงได้เริ่มนำเทคโนโลยีที่เรียกว่า GPRS

(General Packet Radio Service)

GPRS เป็นตัวย่อจากภาษาอังกฤษ" General Packet Radio Service"ซึ่งเป็นการส่งข้อมูลต่าง ๆ ในรูปแบบแพ็กเก็ตต่าง ๆ
การเชื่อมต่อแบบใหม่ที่ใช้ระบบGPRSเข้ามาก็จะเป็นการเชื่อมต่อและวิธีการส่งข้อมูลที่มีลักษณะเช่นเดียวกับอินเตอร์เน็ตก็คือ เมื่อต้องการข้อมูลหรือส่งข้อมูลอะไรก็แล้วแต่ ก็จะเป็นการส่งข้อมูลลักษณะนั้น เข้าไปในเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เท่านั้นไม่จำเป็นต้องจองเวลาไว้ตลอดเวลา จึงทำให้วิธีการใช้งานของ GPRS ในแบบใหม่นี้ จะเห็นได้ว่าจะมีการพูดถึงการเก็บเงินที่เป็นจำนวนข้อมูลที่รับและส่งออกมา มากกว่าวิธีการติดต่อสื่อสารจากวิธีเดิมที่คิดจำนวนเวลาในการติดต่อสื่อสารแต่ละครั้ง
การติดต่อด้วยระบบ GPRS ยังสามารถติดต่อสื่อสารด้วยเสียง ในขณะที่เราสามารถติดต่อสื่อสารผ่านโลกอินเตอร์เน็ตในขณะเดียวกัน ซึ่งก็คือ เราสามารถติดต่อสื่อสารทั้ง 2 ระบบ ภายในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ในแต่ละรุ่นที่ผลิตออกมา แต่เท่าที่ทราบในขณะนี้โทรศัพท์เคลื่อนที่แต่ละรุ่นยังไม่สามารถติดต่อสื่อสารพร้อม ๆ กันได้

GPRS เชื่อมโลกอินเตอร์เน็ต บนโทรศัพท์เคลื่อนที่
GPRS ไม่ได้เป็นลักษณะที่จะสามารถให้บริการได้ด้วยตัวของระบบเอง แต่ตัวมันเองเป็นเพียงแค่ Bearer ให้กับ Application ต่าง ๆ ที่ต้องการใช้ความเร็วที่เพิ่มมากกว่าปกติในระบบ GSM ที่เคยรองรับอยู่เดิมมาก่อน และระบบ GPRS จะต้องต่อไปยัง Packet Data Network ที่เป็น IP NetWork อีกต่อหนึ่ง
ดังนั้นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่จะเปิดใช้ในระบบ GPRS ได้นั้นจะต้องทำการติดตั้งระบบเครือข่าย ที่ประกอบด้วยหน่วยหลัก ๆ 2 หน่วยด้วยกันคือ
1. SGSN (Serving GPRS Supports Node)
2. GGSN (Gateway GPRS Supports Node)

โดยทั้งสองหน่วยหลักขององค์ประกอบนี้จะถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกันโดยมีอุปกรณ์อื่น ๆ เป็นตัวช่วยเพื่อไปร่วมใช้ Radio Interface จาก Base Station โดยผ่านตัวควบคุม ที่เรียกว่า PCU (Packet Control Unit) ที่ติดตั้งไว้ที่ BSC(Base Station Controller) อันทั้งนี้อาจมองไNetwork เป็นอีก Network หนึ่ง ซึ่งเข้ากับ Mobile Phoneผ่านทาง Radio Interface ของระบบ GSM Network เดิมโดยเป็นบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการรับส่งข้อมูลเป็น Packetโดยตรง


คุณสมบัติเด่นหลัก ๆ ของระบบ GPRS คือ

  1. การโอนถ่ายข้อมูลที่มีความสามารถในการ รับ- ส่งผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้สูงถึง 9 - 40 kbps ซึ่งจะทำให้สามารถรับ- ส่งข้อมูลที่เป็น VDO Mail หรือ ภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆได้ พร้อมทั้งเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้เร็วและมีประสิทธภาพมากกว่าเดิมรวมถึงการ Down lode/Up lode ได้ง่ายยิ่งขึ้น
    2. Always On การเชื่อมต่อเครือข่ายและโอนถ่ายข้อมูลสามารถดำเนินต่อไป แม้ในขณะที่มีสายติดต่อเข้ามาก็ตาม จึงทำให้การโอนถ่ายข้อมูลไม่ขาดตอนลง
    3. Wireless Internet ที่เชื่อมต่อเข้ากับ Terminal เช่น PDA หรือ Note Book สามารถที่จะโอนถ่ายข้อมูลได้เร็วขึ้นจากที่เคยเป็นอยู่

 


ที่มาจากหนังสือ Internet Today
และ http://www.siamcellphon.com

 

 

 

 

 

 

ความหมายของคำว่า WAP

คุณเคยได้ยินคำว่า 3 Gไหมครับ ถ้าไม่เคยได้ยินนี่คงจะเชยน่าดูละครับหรือถ้าได้ยินแล้วรู้ไหมละครับว่าไอ้เจ้า 3G มันคืออะไรเกี่ยวข้องกับเราอย่างไรแล้วมันมีประโยชน์อะไร แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับ WAP

เทคโนโลยี 3G ก็คือเทคโนโลยีของโทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุคที่ 3 สำหรับใยุคที่1คือการสื่อสารที่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้เป็นระบบอนาลอกที่ใช้เฉพาะพูดคุยอย่างเดียวหรือโทรศัพท์ในยุคแรกเริ่มที่มีหรืออาจเรียกว่ายุก1Gก็ได้ ต่อมายุกที่2คือยุคที่เริ่มนำเอาระบบดิจิตอลมาไช้ ทำให้โทรศัพท์ยุคนี้เริ่มทำอะไรได้มากขึ้นเช่นการฝากข้อความที่คล้ายๆเพจเจอร์และการรับส่งข้อมูลที่เป็นเท็กซ์ต่างๆ ต่อมาในยุคนี้ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาจนสามารถใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ทำธุรกรรมต่างๆได้เช่นสังสินค้าหรือบริการต่าง โอนเงินหรือเข้าไปดูข้อมูลต่างได้ทุกที่ในโลก

เทคโนโลยี WAP นั้นย่อมาจาก Wireless Aplication Protocal ถ้าจะพูดกันง่ายๆก็คือเขาใช้เทคโนโลยีของอินเตอร์เน็ทนั่นแหละครับแต่แทนที่จะใช้คอมพิวเตอร์เขากลับใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แทน คือไม่ว่าคุณจะอยุ่ที่ไหนจะเป็นภูเขา ชายทะเล หรือในชนบทที่ห่างไกลหากคุณมีโทรศัพท์ที่มี WAP อยุ่ในตัวคุณก็สามารถที่จะติดต่อสื่อสารกับที่อื่นได้เหมือนกับคุณนั่งเล่นอินเตอร์เน็ทอยู่ในเมืองเลยละครับ

การทำงานของ WAP ก็คล้ายการทำงานของอินเตอร์เน็ทธรรมดา แต่มีข้อแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยตรงที่ถาษาที่ใช้นการสือสารอย่างในคอมพิวเตอร์ที่ใช้เล่นอินเตอร์เน็ทเราใช้ภาษา HTML แต่ตรงจุดนี้ของ WAP เขาก็มีการพัฒนาภาษาในการใช้งานขึ้นใหม่ซึ่งก็คล้ายๆกับ HTML( Hyper Text Markup Languege) ซึ่งภาษาที่ทีใช้ใหม่นี้เรียกว่า WML(Wireless Markup Languege ) ที่ต้องพัฒนาภาษาใหม่ขึ้นมาก็เพื่อที่จะให้เหมาะสมกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีอุปกรณ์ Rom, Ram, และ CPU อยู่อย่างจำกัด



แหล่งอ้างอิง : http://www.geocities.com/ardharn/tech04.html

โดย : นาย กุศล จันฝาก, สถาบันราชภัฏสงขลา, วันที่ 30 ตุลาคม 2545