ความพิการทางการมองเห็น หมายถึง บุคคลที่ไม่สามารถมองเห็นหรือมีการมองเห็นเลือน
ลางของสายตาทั้ง 2 ข้าง
สาเหตุ
-
การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
- การได้รับอุบัติเหตุที่กระทบกระเทือนต่อดวงตาโดยตรง
หรือประสาทในการมองเห็น อาทิเช่น
- สิ่งแปลกปลอมพวกสารเคมี หรือสารโลหะละลายที่ร้อนเข้าตา
- กรด - ด่างเข้าตา จะทำอันตรายอย่างมากต่อลูกตา และตามักจะบอดจากการอักเสบ
หรือเยื่อตาเป็นแผล
- อุบัติเหตุอื่นๆ เช่นรถชนกัน อาจทำให้ของมีคมบาดเข้าตา ทำให้ขอบตา
เยื่อบุตา ตาดำ หรือตาขาว ฉีกขาด ลูกตาแตก เป็นต้น
- แสงจากการหลอมแก้วเข้าตา ทำให้เลนส์ตาเสื่อมและกลายเป็นต้อกระจก
-
การมีโรคตาบางชนิด ได้แก่
- ริดสีดวงตา เกิดจากจากติดต่อกันโดยใช้เครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน
มีอาการตาแดง เคืองตา น้ำตามาก รู้สึกคล้ายมีเม็ดทรายอยู่ในตา
สามารถรักษาได้โดยการหยอดยากินยา ถ้าปล่อยไว้ไม่รักษาแต่เนิ่นๆ
อาจทำให้ตาบอดได้
- ต้อหิน เกิดจากทางระบายน้ำในลูกตาอุดตันทำให้เกิดความดันในลูกตาสูง
ทำลายจอตาและ เส้นประสาท จะมีอาการปวดตา ตาค่อยๆ มัวลงทุกที
ตาแดงอยู่เสมอ เคืองตามาก เมื่อหลับตาแล้วเอานิ้วกดที่ลูกตาจะแข็งกว่าปกติ
ไม่สามารถรักษาได้โดยการกินยา หรือหยดยา ถ้าเป็นมากต้องใช้วิธีผ่าตัด
- โรคขาดสารอาหาร (วิตามิน) เกิดจากการขาดสารอาหารที่มีวิตามินเอ
เช่น มะละกอสุก ฟักทอง มะเขือเทศสุก เนื้อสัตว์ตับ เป็นต้น
มีอาการคือ แพ้แสง ระคายเคืองตา เห็นไม่ชัดในที่มืดหรือสลัว
ตาดำขุ่น ฝ้าไม่มันใส ต้องรีบพบแพทย์เพื่อรักษา มิฉะนั้นจะทำให้ตาบอดได้
- โรคหนองในเข้าตา เกิดจากการติดเชื้อหนองในจากช่องคลอดมารดาของเด็กขณะคลอดหรือ
ใช้ผ้าเช็ดตัวผ้าขาวม้าของบิดาที่เป็นหนองในเช็ดหน้าเด็กมีอาการคือตาบวมแดงลืมตาไม่ขึ้นมีหนอง
ไหลจากตาต้องรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยด่วนถ้าช้าไปอาจตาบวมได้
การป้องกัน
- ระวังอุบัติเหตุหรืออันตรายที่จะมีผลกระทบกระเทือนดวงตา
และประสาทตา
- ระวังรักษาและถนอมดวงตา
เช่น ใช้สายตาในที่มีแสงสว่างพอเหมาะ
- ระวังการเกิดโรคที่มีผลต่อดวงตา
เช่น ต้อตาอักเสบ ซิฟิลิส
- รับประทานอาหารที่มีสารอาหารบำรุงสายตา
(วิตามินเอ) ให้พอเพียงแก่ความต้อง การของร่างกายทั้งปริมาณและคุณภาพ
- มีอาการผิดปกติทางตา
ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาแต่เนิ่นๆ
- ควรให้แพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจตาอย่างน้อยปีละครั้ง
|