เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องซึ่งเกิดจากการพูดผิดปกติ
ในด้านความชัดเจนในการปรับปรุงแต่งระดับและคุณภาพของเสียง จังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด
ความบกพร่องทางการพูดพิจารณาได้ 3 ด้าน ดังนี้
- ความบกพร่องในด้านการปรุงเสียง
(Articulator Disorders) แบ่งเป็น 4 ลักษณะ คือ
1.1 เสียงบางส่วนของคำขาดหายไป เช่น "ความ" เป็น
"คาม" เป็นต้น
1.2 ออกเสียงของตัวอื่นแทนตัวที่ถูกต้อง เช่น "กิน"
"จิน" เป็นต้น
1.3 เพิ่มเสียงที่ไม่ใช่สียงที่ถูกต้องลงไปด้วย เช่น "หกล้ม"
เป็น "หก-กะ-ล้ม"
1.4 เสียงเพี้ยนหรือเปล่งไปเช่น "แล้ว" เป็น "แล่ว"
ทั้งนี้จะต้องพิจารณาว่าความบกพร่องเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยๆ
เป็นประจำหรือไม่ ขนบธรรมเนียมหรือประเพณีของผู้พูดเป็นอย่างนั้นหรือไม่
ถ้าเกิดขึ้นนานๆ ครั้ง และเป็นวัฒนธรรมของผู้พูดก็ไม่ถือว่าผิดปกติ
เช่น คนภาคใต้เรียกแมงกะพรุนว่า แมงพุนก็ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด
- ความบกพร่องของเสียงพูด
(Voice Disorders) แบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ
2.1 ความบกพร่องของระดับเสียง เช่น เสียงสูงหรือต่ำตลอดเวลา
หรือเสียงที่พูดอยู่ในระดับเดียวตลอด เสียงพูดผิดเพศ ผิดวัย
2.2 เสียงดังหรือค่อยเกินไป คล้ายๆ กับตะโกนหรือกระซิบอยู่ตลอดเวลา
2.3 คุณภาพของเสียงไม่ดี เช่น เสียงแตกพร่า เสียงกระด้าง เสียงแหบแห้งตลอดเวลา
เป็นต้น
-
ความบกพร่องของจังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด (speech Flow Disorders)
แบ่งเป็น 5 ลักษณะ คือ
3.1 พูดไม่ถูกตามลำดับขั้นตอน ไม่เป็นไปตามโครงสร้างของภาษา
3.2 การเว้นวรรคตอนไม่ถูกต้อง
3.3 อัตราการพูดเร็วหรือช้าเกินไป
3.4 จังหวะของเสียงพูดผิดปกติ
3.5 เสียงพูดขาดความต่อเนื่อง สละสลวย
ความบกพร่องประเภทนี้พบมากคือการติดอ่างและพูดเร็วรัว คนติดอ่างจะมีความผิดปกติเกี่ยวกับการพูด
เช่น พูดซ้ำคำคำเดียวหลายๆ ครั้ง หรืออึดอักๆ เสียงยืดยานคาง
พูดขาดเป็นห้วงๆ มีกิริยาท่าทางที่แสดงถึงความยากลำบากในการออกเสียงส่วนการพูดเร็วเกินไปนั้น
เสียงพูดจะผิดเพี้ยนไปจากที่ควรจะเป็นรูปประโยคผิดไปสลับเสียงตัวหนึ่ง
เป็นต้น
ความบกพร่องทางภาษา
หมายถึง การขาดความสามารถ ที่จะเข้าใจความหมายของคำพูด และ/หรือไม่สามารถแสดงความคิด
ออกมาเป็นถ้อยคำได้ ซึ่งพิจารณาได้ 3 ด้าน ดังนี้
- การพัฒนาการทางภาษาช้ากว่าวัย
(Delayed Language) มี 5 ลักษณะคือ
1.1 มีความยากลำบากในการใช้ภาษา
1.2 มีความผิดปกติของไวยกรณ์และโครงสร้างของประโยค
1.3 ไม่สามารถสร้างประโยคได้
1.4 มีความบกพร่องทางเชาว์ปัญญา อารมณ์ สมองผิดปกติ
1.5 ภาษาที่ใช้เป็นภาษาห้วน ๆ
- การไม่มีความสามารถเข้าใจและสร้างถ้อยคำ
(Aphasia) เนื่องจากสมองหรือปราสาท ได้รับการกระทบกระเทือนหรือบาดเจ็บ
มี 7 ลักษณะ คือ
2.1 อ่านไม่ออก
2.2 เขียนไม่ได้
2.3 สะกดคำไม่ได้
2.4 ใช้ภาษาสับสนยุ่งเหยิง
2.5 จำคำหรือประโยคไม่ได้
2.6 ไม่เข้าใจคำสั่ง
2.7 อารมณ์ไม่คงที่
- ความขัดแย้งเกี่ยวกับภาษา
(Specific Language Disabilities) เนื่องจากสมองได้รับบาดเจ็บ
จากการกระทบกระเทือน มี 2 ลักษณะ คือ
3.1 ความผิดปกติแต่กำเนิด (Congenital Aphasia) เนื่องจากสมองได้รับบาดเจ็บจากการกระทบกระเทือน
มี 2 ลักษณะ คือ
3.1.1 ความขัดแย้งกันของสิ่งที่ได้ยินจริงๆ กับสิ่งที่คาดว่าจะได้ยิน
3.1.2 ความขัดแย้งกันในการจำเสียงที่ได้ยิน
3.1.3 ความขัดแย้งกันในการประสมประสานเสียงที่ได้ยิน
3.1.4 ความขัดแย้งกันในความเข้าใจภาษาพูด
3.1.5 ความขัดแย้งในการแสดงออกทางภาษา
ลักษณะดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดกับเด็กซึ่งหูหนวกมาแต่แรกเกิด
จึงทำให้เด็กขาดพัฒนาการทางภาษาไป
3.2 ความผิดปกติหลังการพัฒนาภาษา (Developmental Aphasia)
เกิดขึ้นหลังจากที่เด็กมีพัฒนาการทางภาษาแล้ว
จึงอาจกล่าวได้ว่า
ความผิดปกติทางการพูดมีความแตกต่างจากความผิดปกติทางภาษาคือ
ความผิดปกติทางการพูด เป็นความผิดปกติที่เกี่ยวกับเสียงพูดในด้านการปรุงแต่งระดับและคุณภาพของเสียงจังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด
ส่วนความผิดปกติทางภาษาเป็นความผิดปกติด้านการพัฒนาทางภาษาความสามารถเกี่ยวกับความเข้าใจ
การสร้างถ้อยคำและความผิดปกติที่เกิดก่อนและหลังการมีพัฒนาการทางภาษา
|