NECTEC
NSTDA
Home
Computer
Program
Internet & Web
Graphics
CAI
Multimedia
Electrical Power
General Education
Special Education
Links
Webmaster
การศึกษาพิเศษ - Special Education
บุคคลที่บกพร่องทางการพูดและภาษา

เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องซึ่งเกิดจากการพูดผิดปกติ ในด้านความชัดเจนในการปรับปรุงแต่งระดับและคุณภาพของเสียง จังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด ความบกพร่องทางการพูดพิจารณาได้ 3 ด้าน ดังนี้

  1. ความบกพร่องในด้านการปรุงเสียง (Articulator Disorders) แบ่งเป็น 4 ลักษณะ คือ
    1.1 เสียงบางส่วนของคำขาดหายไป เช่น "ความ" เป็น "คาม" เป็นต้น
    1.2 ออกเสียงของตัวอื่นแทนตัวที่ถูกต้อง เช่น "กิน" "จิน" เป็นต้น
    1.3 เพิ่มเสียงที่ไม่ใช่สียงที่ถูกต้องลงไปด้วย เช่น "หกล้ม" เป็น "หก-กะ-ล้ม"
    1.4 เสียงเพี้ยนหรือเปล่งไปเช่น "แล้ว" เป็น "แล่ว"
    ทั้งนี้จะต้องพิจารณาว่าความบกพร่องเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เป็นประจำหรือไม่ ขนบธรรมเนียมหรือประเพณีของผู้พูดเป็นอย่างนั้นหรือไม่ ถ้าเกิดขึ้นนานๆ ครั้ง และเป็นวัฒนธรรมของผู้พูดก็ไม่ถือว่าผิดปกติ เช่น คนภาคใต้เรียกแมงกะพรุนว่า แมงพุนก็ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด
  2. ความบกพร่องของเสียงพูด (Voice Disorders) แบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ
    2.1 ความบกพร่องของระดับเสียง เช่น เสียงสูงหรือต่ำตลอดเวลา หรือเสียงที่พูดอยู่ในระดับเดียวตลอด เสียงพูดผิดเพศ ผิดวัย
    2.2 เสียงดังหรือค่อยเกินไป คล้ายๆ กับตะโกนหรือกระซิบอยู่ตลอดเวลา
    2.3 คุณภาพของเสียงไม่ดี เช่น เสียงแตกพร่า เสียงกระด้าง เสียงแหบแห้งตลอดเวลา เป็นต้น
  3. ความบกพร่องของจังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด (speech Flow Disorders) แบ่งเป็น 5 ลักษณะ คือ
    3.1 พูดไม่ถูกตามลำดับขั้นตอน ไม่เป็นไปตามโครงสร้างของภาษา
    3.2 การเว้นวรรคตอนไม่ถูกต้อง
    3.3 อัตราการพูดเร็วหรือช้าเกินไป
    3.4 จังหวะของเสียงพูดผิดปกติ
    3.5 เสียงพูดขาดความต่อเนื่อง สละสลวย
    ความบกพร่องประเภทนี้พบมากคือการติดอ่างและพูดเร็วรัว คนติดอ่างจะมีความผิดปกติเกี่ยวกับการพูด เช่น พูดซ้ำคำคำเดียวหลายๆ ครั้ง หรืออึดอักๆ เสียงยืดยานคาง พูดขาดเป็นห้วงๆ มีกิริยาท่าทางที่แสดงถึงความยากลำบากในการออกเสียงส่วนการพูดเร็วเกินไปนั้น เสียงพูดจะผิดเพี้ยนไปจากที่ควรจะเป็นรูปประโยคผิดไปสลับเสียงตัวหนึ่ง เป็นต้น

ความบกพร่องทางภาษา หมายถึง การขาดความสามารถ ที่จะเข้าใจความหมายของคำพูด และ/หรือไม่สามารถแสดงความคิด ออกมาเป็นถ้อยคำได้ ซึ่งพิจารณาได้ 3 ด้าน ดังนี้

  1. การพัฒนาการทางภาษาช้ากว่าวัย (Delayed Language) มี 5 ลักษณะคือ
    1.1 มีความยากลำบากในการใช้ภาษา
    1.2 มีความผิดปกติของไวยกรณ์และโครงสร้างของประโยค
    1.3 ไม่สามารถสร้างประโยคได้
    1.4 มีความบกพร่องทางเชาว์ปัญญา อารมณ์ สมองผิดปกติ
    1.5 ภาษาที่ใช้เป็นภาษาห้วน ๆ
  2. การไม่มีความสามารถเข้าใจและสร้างถ้อยคำ (Aphasia) เนื่องจากสมองหรือปราสาท ได้รับการกระทบกระเทือนหรือบาดเจ็บ มี 7 ลักษณะ คือ
    2.1 อ่านไม่ออก
    2.2 เขียนไม่ได้
    2.3 สะกดคำไม่ได้
    2.4 ใช้ภาษาสับสนยุ่งเหยิง
    2.5 จำคำหรือประโยคไม่ได้
    2.6 ไม่เข้าใจคำสั่ง
    2.7 อารมณ์ไม่คงที่
  3. ความขัดแย้งเกี่ยวกับภาษา (Specific Language Disabilities) เนื่องจากสมองได้รับบาดเจ็บ จากการกระทบกระเทือน มี 2 ลักษณะ คือ
    3.1 ความผิดปกติแต่กำเนิด (Congenital Aphasia) เนื่องจากสมองได้รับบาดเจ็บจากการกระทบกระเทือน มี 2 ลักษณะ คือ
    3.1.1 ความขัดแย้งกันของสิ่งที่ได้ยินจริงๆ กับสิ่งที่คาดว่าจะได้ยิน
    3.1.2 ความขัดแย้งกันในการจำเสียงที่ได้ยิน
    3.1.3 ความขัดแย้งกันในการประสมประสานเสียงที่ได้ยิน
    3.1.4 ความขัดแย้งกันในความเข้าใจภาษาพูด
    3.1.5 ความขัดแย้งในการแสดงออกทางภาษา
    ลักษณะดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดกับเด็กซึ่งหูหนวกมาแต่แรกเกิด จึงทำให้เด็กขาดพัฒนาการทางภาษาไป
    3.2 ความผิดปกติหลังการพัฒนาภาษา (Developmental Aphasia) เกิดขึ้นหลังจากที่เด็กมีพัฒนาการทางภาษาแล้ว

จึงอาจกล่าวได้ว่า ความผิดปกติทางการพูดมีความแตกต่างจากความผิดปกติทางภาษาคือ ความผิดปกติทางการพูด เป็นความผิดปกติที่เกี่ยวกับเสียงพูดในด้านการปรุงแต่งระดับและคุณภาพของเสียงจังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด ส่วนความผิดปกติทางภาษาเป็นความผิดปกติด้านการพัฒนาทางภาษาความสามารถเกี่ยวกับความเข้าใจ การสร้างถ้อยคำและความผิดปกติที่เกิดก่อนและหลังการมีพัฒนาการทางภาษา